ขอบคุณภาพจาก Google |
ประวัติความเป็นมาของการขยายพันธุ์พืช
มนุษย์รู้จักการขยายพันธุ์พืชมาตั้งแต่มนุษย์รู้จักพืชและความสำคัญของพืช โดยยุคแรกๆ มนุษย์ขยายพันธุ์พืชด้วยการเพาะเมล็ดที่เก็บรวบรวมมาจากท้องถิ่นต่างๆต่อมาจึงมีการคิดเลือกเฉพาะพืชพันธุ์ดีมาปลูก และเริ่มรู้จักวิธีการขยายพันธุ์พืชแบบแบ่งและแยกที่ไม่ต้องอาศัยเพศ หลังจากนั้นมนุษย์ชนชาติจีนได้ดัดแปลงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติมาเป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชโดยเมื่อสังเกตเห็นกิ่งอยู่ติดกัน แล้วเกิดเสียดสีกันตามธรรมชาติ กิ่งหรือต้นพืชทั้งสองสามารถติดเป็นต้นเดียวกันได้ ต่อมาจึงคิดค้นวิธีการทาบกิ่ง ติดตา ต่อกิ่งและตอนกิ่งขึ้นมา
ในยุคกลางวิธีการขยายพันธุ์พืชได้แผ่ขยายไปแถบประเทศตะวันตก ต่อมาได้พัมนาวิชาการต่างๆ ที่เกียวข้องกับการขยายพันธุ์พืช เช่น วิชาพฤกษศาสตร์ วิชาฮอร์โมนพืช วิชาพันธุศาสตร์ ทำให้การขยายพันธุ์พืชเจริญก้าวหน้ามาจนปัจจุบันนี้
ความหมายและความสำคัญของการขยายพันธุ์พืช
การขยายพันธุ์พืช หมายถึง วิธีการที่ทำให้ต้นพืชเพิ่มจำนวนมากขึ้นดำรงสายพันธุ์ชนิดต่างๆ ไม่ให้สูญพันธุ์ โดยมีคุณสมบัติและคุณภาพของผลผลิตดีเท่าเดิม หรือดีขึ้นกว่าเดิม
การขยายพันธุ์พืชมีความสำคัญหลายด้านดังนี้
1. ความสำคัญต่อมนุษย์ การเพิ่มจำนวนของต้นพืชเป็นหารเพิ่มอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคให้แก่มนุษย์
2. ความสำคัญต่อต้นพืช ต้นพืชสามารถดำรงพันธุ์ที่ดีไว้ได้ และเกิดพันธุ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์ เช่น ต้นมะนาวที่สามารถให้ผลผลิตนอกฤดูกาล ต้นเฟื่องฟ้าหลายหลากสีในต้นเดียว ฝรั่งไร้เมล็ด
3. ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม การเพิ่มจำนวนของพืชทำให้เกิดความร่มรื่ร เพิ่มออกซิเจนในอาการ ทำให้อากาศบริสุทธิ์ ช่วยดูดควันพิษจากการเผาไหม้เวื้อเพลิงของเครื่องยนต์ ยืดเกาะดินไม่ให้พังทลาย
4. ความสำคัญต่อทรัพยากรธรรมชาติ การขยายพันธุ์นำไปปลูกในดินที่ว่างเปล่าทำให้ดินนั้นมีคุณค่ามากกว่าการปล่อยทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ และเพิ่มทรัพยกรป่าไม้ให้มีมากขึ้น
5.ความสำคัญต่ออาชีพ เกิดอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการขยายพันธุ์พืชมากมาย เช่น การขยายพันธุ์มะนาวเพื่อจำหน่วย การปลูกสวนมะนาวโรงงานแปรรูปน้ำมะนาวและมะนาวผง โรงงงานทำขวดหรือกล่องบรรจุมะนาวและมะนาวแปรรูปต่างๆ
6.ความสำคัญต่อประเทศ การนำผลผลิตที่ได้จากการขยายพันธุ์ เช่น ข้าว ยางพารา มะม่วง ทุเรียน ฯลฯ ไปจำหน่ายเป็นสินค้าส่งออกช่วยให้มีรายได้นำมาพัฒนาประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้า
ขอบคุณภาพจาก Google |
ประเภทของการขยายพันธุ์พืชปละหลักการขยายพันธุ์พืช
การขยายพันธุ์พืชแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. การขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศ หรือการขยายพันธุ์ด้วยส่วนสืบพันธุ์ของพืช เป็นการขยายพันธุ์พืช โดยการผสมเกสรเพื่อให้เกิดเป็นเมล็ด และนำเมล็ดไปเพาะให้เกิดต้นใหม่ นิยมขยายพันธุ์พืชจำพวกพืชล้มลุก
ขอบคุณภาพจาก Google |
2. กขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศ หรือไม่ใช้ส่วนสืบพันธุ์เป็นการขยายพันธุ์โดยใช้ส่วนต่างๆ ของพืชในการขยายพันธุ์ เช่น กิ่ง ลำต้น ใบ นำไปตัดชำ ติดตา ต่อกิ่ง ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ขอบคุณภาพจาก Google |
การขยายพันธุ์พืช
หมายถึง วิธีการที่ทำให้เกิดการเพิ่มปริมาณของต้นพืชให้มากขึ้น เพื่อดำรงสายพันธุ์
พืชชนิดต่าง ๆ ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์ ซึ่งวิธีการที่นิยมปฏิบัติโดยทั่วไป ได้แก่ การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง
การติดตา การเสียบยอด การตัดชำ
และการตอนกิ่ง
การตอนกิ่ง
คือ การทำให้กิ่งหรือต้นพืชเกิดรากขณะติดอยู่กับต้นแม่ จะทำให้ได้ต้นพืชใหม่
ที่มีลักษณะทางสายพันธุ์ เหมือนกับต้นแม่ทุกประการ พืชที่นิยมนำมาตอนกิ่ง เช่น มะนาว ฝรั่ง ชบา เป็นต้น โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้
1) การเลือกกิ่งที่จะใช้การทำตอน ควรเลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนที่สมบรูณ์ หรือไม่เกิน 1 ปี มีใบงาม ไม่มีโรคหรือแมลงทำลาย โดยปกตอมักจะเลือกกิ่งกระโดง ซึ่งเป็นกิ่งที่งอกในแนวตั้ง จะพุ่งขึ้นอย่างเดียวและเป็นกิ่งที่อวบอ้วน
2) ทำแผลบนกิ่งโดยควั่นกิ่่งทั้งด้านบนและด้านล่าง ลอกเอาเปลือกออก แล้วขูดเนื้อเยื่อเจริญที่เป็นเหมือกลื่นออก เพื่อตัดทางลำเลียงอาหาร โดยขูดจากบนลงล่างเบาๆ
3) ทาฮอร์โมนเร่งรากบริเวณนรอยแผลบนกิ่งตอน จะช่วยให้กิ่งพืชออกรากเร้ว มีรากมากขึ้น และรากเจริญเร็วขึ้น
4) หุ้มกิ่งตอนโดยนำตุ้มตอนซึ่งเป็นขุยมะพร้าวที่แช่น้ำ แล้วบีบหมาดฟ อัดลงในถุงพลาสติกผูกปากถุงให้แน่น มาผ่าตามยาว แล้วนำไปหุ้มบนรอยแผลของกิ่งตอน มัดด้วยเชือกทั้งบนและล่างรอยแผล หลังตอนกิ่ง 3-5 วัน จะต้องรถน้ำตุ้้มตอน ถ้าตุ้มตอนแห้งให้ใช้เข็มฉีดยาฉีดน้ำเข้าไปในตุ้มตอน 5-7 วันต่อครั้ง จนกว่าจะงอก
5) เมื่อกิ่งตอนมีรากงอกแทงผ่านขุยมะพร้าวและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีน้ำตาลปลายรากมีสีขาว และมีจำนวนมากพอ จึงตัดกิ่งตอนไปในภาชนะ กระถาง หรือถุงพลาสติกเพื่อการย้ายปลูกต่อไป
2.เฉือนกิ่งพันธุ์ดีให้เป็นแผลรูปโล่ ยาวประมาณ 1-2 นิ้ว แล้วเฉือนต้นตอให้เป็นแผลแบบเดียวกันกับกิ่งพันธุ์ และแผลต้องมีความยาวเท่ากับแผลกิ่งพันธุ์
3.ประกบแผลต้นตอเข้ากับกิ่งพันธุ์ดีให้สนิทแล้วพันพลาสติกให้แน่น แล้วรากกิ่งพันธุ์เข้ากับต้นตอเชือกหรือลวด
4.ประมาณ 7-8 สัปดาห์ รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แผลจะติดกันดี รากตุ้มต้นตอจะงอกแทงผ่านวัสดุและเริ่มมีน้ำตาล ปลายรากสีขาวและจำนวนมาก แล้วจึงทำการตัดกิ่งพันธุ์ดีที่ระดับเดียวกับตุ้มต้นตอที่นำมาทาบ จากนั้นนำลงถุงเพาะชำ พร้อมปักหลักค้ำยันต้น เพื่อป้องกันต้นล้ม ก่อนตัดไปลงถุงเพาะต้องควั่นต้นพันธุ์ดี เพื่อกระตุ้นให้รากต้นตอทำงานให้เต้มที่ประมาณ 1 สัปดาห์ จึงตัด
....................................................................................................................................................................
การติดตา คือ การนำแผ่นตาจากกิ่งพันธุ์ดีไปติดบนต้นตอเพื่อเซื่อมประสานส่วนของพืชเข้าด้วยกัน ให้เจริญเป้นพืชต้นเดียวกัน พืชที่นิยมนำมาติดตา เช่น พุทธา กุหลาบ ยางพารา
การติดตา มีขั้นตอนดังนี้
1. เลือกต้นตอในส่วนที่เป็นสีเขียวปนนำ้ตาล แล้วกรัดต้นตอเป็นรูปตัวที T โดยกรีดให้ลึงถึงเนื้อไม้ ความยาวประมาณ 3-7 เซนติเมตร
2.เฉือนแผ่นตาของต้นพันธุ์ดีที่จะใช้เป็นรูปโล่ยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร โดยเฉือนให้เนื้อติดมาด้วย จากนั้นลอกเอาเนื้อไม้ออก
3. สอดแผ่นตาลงไปในเปลือกต้นตอ โดยให้ตาตั้งขึ้น แล้วพันด้วยพลาสติกให้แน่นโดยพันจากด้านล่างขึ้นด้านบน
4.ประมาณ 7-10 วัน ให้เปิดพลาสติกออกดูว่าแผ่นมีสีเขียว แสดงว่าตาติดกับต้นตอแล้ว จากนั้นจึงพันใหม่ โดยเว้นช่องให้ตาโผล่ออกมา ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ จึงตัดต้นตอเดิมแล้วกรีดพลาสติกออก
............................................................................................................................................................................................
การเสียบยอด คือ การเชื่อมประสานเนื้อเยื่อของต้นพืช 2 ต้น เข้าด้วยกัน เพื่อให้เจริญเติบโตเป็นต้นเดียวกัน พืชที่นิยมเสียบยอด เช่น ลำไย ทุเทียน ลองกอง
การเสียบยอด มีขั้นตอนดังนี้
1.ตัดยอดต้นตอให้สุงจากพื้นดินประมาณ 10 เซนติเมตรแล้วผ่ากลางลำตันของต้นให้ลึกประมาณ 3-4 เซนติเมตร
2.เฉือนยอดพันธุ์ดีเป็นรูปลิ่มยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร
3.เสียบยอดพันธุ์ดีลงในแผลของต้นตอ ให้รอยแผลตรงกันแล้วใช้พลาสติกพันให้แผลและกิ่งพันธุ์จากต้นด้านบนลงสู่ล่างเพื่อให้รอยแผลต้นตอติดกันจนแน่น
4.คลุมต้นตอที่เสียบยอดแล้วด้วยพลาสติก ประมาณ 5-7 สัปดาห์ รอยแผลจะประสานดี หลังจากนั้นจะนำไปพักไว้ในโรงเรือนเพื่อย้ายปลูกต่อไป
การตัดชำ คือ การนำส่วนต่าง ๆ ของพืชพันะุ์ดี เช่น ใบ ราก มาตัดและปักชำในวัสดุเพาะชำ เพื่อให้ได้ใหม่จากส่วนที่นำมาตัดชำ โดยมีคุรสมบัติและลักษณะเหมือนต้นแม่ทุกประการ พืชที่นิยมนำมาตัดชำ เช่น เทียนทอง ดกสน ชาฮกเกี้ยน
การตัดชำ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เลือกกิ่งพันธุ์ที่มีลักษณะที่ตาและใบ ถ้าเป็นกิ่งแก่ควรเลือกกิ่งที่มีตา หลังจากนั้นจึงโคนกิ่งให้ชิดข้อ ยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร โดยตัดเฉียงเป็นปากแลากและตัดปลายบนให้เหนือตาประมาณ 1 เซนติเมตร
2. ใช้มีดปลายแหลมกรีดบริเวณรอบโคนยาว 1-1.5 เซนติเมตร ประมาณ 2-3 รอย เพื่อกระตุ้นให้เกิดราก
3. ปักกิ่งชำลงในวัสดุเพาะชำ ลึกประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร
4. ห่อหรือคลุมด้วยถงพลาสติกประมาณ 25-30 วัน กิ่งตัดชำจะแตกพร้อมออกราก เมื่อมีจำนวนมากจึงย้ายไปปลูกต่อไป
อ้างอิง : หนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 3
1) การเลือกกิ่งที่จะใช้การทำตอน ควรเลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนที่สมบรูณ์ หรือไม่เกิน 1 ปี มีใบงาม ไม่มีโรคหรือแมลงทำลาย โดยปกตอมักจะเลือกกิ่งกระโดง ซึ่งเป็นกิ่งที่งอกในแนวตั้ง จะพุ่งขึ้นอย่างเดียวและเป็นกิ่งที่อวบอ้วน
2) ทำแผลบนกิ่งโดยควั่นกิ่่งทั้งด้านบนและด้านล่าง ลอกเอาเปลือกออก แล้วขูดเนื้อเยื่อเจริญที่เป็นเหมือกลื่นออก เพื่อตัดทางลำเลียงอาหาร โดยขูดจากบนลงล่างเบาๆ
3) ทาฮอร์โมนเร่งรากบริเวณนรอยแผลบนกิ่งตอน จะช่วยให้กิ่งพืชออกรากเร้ว มีรากมากขึ้น และรากเจริญเร็วขึ้น
4) หุ้มกิ่งตอนโดยนำตุ้มตอนซึ่งเป็นขุยมะพร้าวที่แช่น้ำ แล้วบีบหมาดฟ อัดลงในถุงพลาสติกผูกปากถุงให้แน่น มาผ่าตามยาว แล้วนำไปหุ้มบนรอยแผลของกิ่งตอน มัดด้วยเชือกทั้งบนและล่างรอยแผล หลังตอนกิ่ง 3-5 วัน จะต้องรถน้ำตุ้้มตอน ถ้าตุ้มตอนแห้งให้ใช้เข็มฉีดยาฉีดน้ำเข้าไปในตุ้มตอน 5-7 วันต่อครั้ง จนกว่าจะงอก
5) เมื่อกิ่งตอนมีรากงอกแทงผ่านขุยมะพร้าวและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีน้ำตาลปลายรากมีสีขาว และมีจำนวนมากพอ จึงตัดกิ่งตอนไปในภาชนะ กระถาง หรือถุงพลาสติกเพื่อการย้ายปลูกต่อไป
ขอบคุณภาพจากgoogle |
2.เฉือนกิ่งพันธุ์ดีให้เป็นแผลรูปโล่ ยาวประมาณ 1-2 นิ้ว แล้วเฉือนต้นตอให้เป็นแผลแบบเดียวกันกับกิ่งพันธุ์ และแผลต้องมีความยาวเท่ากับแผลกิ่งพันธุ์
3.ประกบแผลต้นตอเข้ากับกิ่งพันธุ์ดีให้สนิทแล้วพันพลาสติกให้แน่น แล้วรากกิ่งพันธุ์เข้ากับต้นตอเชือกหรือลวด
4.ประมาณ 7-8 สัปดาห์ รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แผลจะติดกันดี รากตุ้มต้นตอจะงอกแทงผ่านวัสดุและเริ่มมีน้ำตาล ปลายรากสีขาวและจำนวนมาก แล้วจึงทำการตัดกิ่งพันธุ์ดีที่ระดับเดียวกับตุ้มต้นตอที่นำมาทาบ จากนั้นนำลงถุงเพาะชำ พร้อมปักหลักค้ำยันต้น เพื่อป้องกันต้นล้ม ก่อนตัดไปลงถุงเพาะต้องควั่นต้นพันธุ์ดี เพื่อกระตุ้นให้รากต้นตอทำงานให้เต้มที่ประมาณ 1 สัปดาห์ จึงตัด
การติดตา คือ การนำแผ่นตาจากกิ่งพันธุ์ดีไปติดบนต้นตอเพื่อเซื่อมประสานส่วนของพืชเข้าด้วยกัน ให้เจริญเป้นพืชต้นเดียวกัน พืชที่นิยมนำมาติดตา เช่น พุทธา กุหลาบ ยางพารา
การติดตา มีขั้นตอนดังนี้
1. เลือกต้นตอในส่วนที่เป็นสีเขียวปนนำ้ตาล แล้วกรัดต้นตอเป็นรูปตัวที T โดยกรีดให้ลึงถึงเนื้อไม้ ความยาวประมาณ 3-7 เซนติเมตร
2.เฉือนแผ่นตาของต้นพันธุ์ดีที่จะใช้เป็นรูปโล่ยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร โดยเฉือนให้เนื้อติดมาด้วย จากนั้นลอกเอาเนื้อไม้ออก
3. สอดแผ่นตาลงไปในเปลือกต้นตอ โดยให้ตาตั้งขึ้น แล้วพันด้วยพลาสติกให้แน่นโดยพันจากด้านล่างขึ้นด้านบน
4.ประมาณ 7-10 วัน ให้เปิดพลาสติกออกดูว่าแผ่นมีสีเขียว แสดงว่าตาติดกับต้นตอแล้ว จากนั้นจึงพันใหม่ โดยเว้นช่องให้ตาโผล่ออกมา ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ จึงตัดต้นตอเดิมแล้วกรีดพลาสติกออก
ขอบคุณภาพจากGoogle |
ขอบคุณภาพจากGoogle |
การเสียบยอด คือ การเชื่อมประสานเนื้อเยื่อของต้นพืช 2 ต้น เข้าด้วยกัน เพื่อให้เจริญเติบโตเป็นต้นเดียวกัน พืชที่นิยมเสียบยอด เช่น ลำไย ทุเทียน ลองกอง
การเสียบยอด มีขั้นตอนดังนี้
1.ตัดยอดต้นตอให้สุงจากพื้นดินประมาณ 10 เซนติเมตรแล้วผ่ากลางลำตันของต้นให้ลึกประมาณ 3-4 เซนติเมตร
2.เฉือนยอดพันธุ์ดีเป็นรูปลิ่มยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร
3.เสียบยอดพันธุ์ดีลงในแผลของต้นตอ ให้รอยแผลตรงกันแล้วใช้พลาสติกพันให้แผลและกิ่งพันธุ์จากต้นด้านบนลงสู่ล่างเพื่อให้รอยแผลต้นตอติดกันจนแน่น
4.คลุมต้นตอที่เสียบยอดแล้วด้วยพลาสติก ประมาณ 5-7 สัปดาห์ รอยแผลจะประสานดี หลังจากนั้นจะนำไปพักไว้ในโรงเรือนเพื่อย้ายปลูกต่อไป
การตัดชำ คือ การนำส่วนต่าง ๆ ของพืชพันะุ์ดี เช่น ใบ ราก มาตัดและปักชำในวัสดุเพาะชำ เพื่อให้ได้ใหม่จากส่วนที่นำมาตัดชำ โดยมีคุรสมบัติและลักษณะเหมือนต้นแม่ทุกประการ พืชที่นิยมนำมาตัดชำ เช่น เทียนทอง ดกสน ชาฮกเกี้ยน
การตัดชำ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เลือกกิ่งพันธุ์ที่มีลักษณะที่ตาและใบ ถ้าเป็นกิ่งแก่ควรเลือกกิ่งที่มีตา หลังจากนั้นจึงโคนกิ่งให้ชิดข้อ ยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร โดยตัดเฉียงเป็นปากแลากและตัดปลายบนให้เหนือตาประมาณ 1 เซนติเมตร
2. ใช้มีดปลายแหลมกรีดบริเวณรอบโคนยาว 1-1.5 เซนติเมตร ประมาณ 2-3 รอย เพื่อกระตุ้นให้เกิดราก
3. ปักกิ่งชำลงในวัสดุเพาะชำ ลึกประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร
4. ห่อหรือคลุมด้วยถงพลาสติกประมาณ 25-30 วัน กิ่งตัดชำจะแตกพร้อมออกราก เมื่อมีจำนวนมากจึงย้ายไปปลูกต่อไป
ขอบคุณภาพจาก Google |
อ้างอิง : หนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น